เวลาไปสั่งเครื่องดื่มตามร้านกาแฟโบราณ เพื่อน ๆ เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมกาแฟดำกับ โอเลี้ยง ถึงมีสีเหมือนกัน จนบางทีก็แยกไม่ออกว่าอันไหนกาแฟดำอันไหนโอเลี้ยง วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ มาสำรวจความแตกต่างของกาแฟดำและโอเลี้ยงกัน ว่าทำไมเครื่องดื่ม 2 เมนูนี้ถึงมีรสชาติที่ไม่เหมือนกัน หากพร้อมแล้วตามมาดูกันเลย
สำรวจความแตกต่างของกาแฟและ โอเลี้ยง
1.กาแฟดำ คืออะไร?
อย่างที่เรารู้กันดีว่าอเมริกาโน่ หรือกาแฟดำ คือ กาแฟที่ไม่ใส่นมและน้ำตาล ซึ่งสามารถดื่มได้ทั้งแบบร้อนและแบบเย็น ที่สำคัญกาแฟดำหรืออเมริกาโน่ ถือเป็นหัวใจสำคัญของกาแฟแต่ละชนิดด้วย โดยวิธีการชงอเมริกาโน่จะใส่น้ำเอสเปรสโซ่ 1 ช็อต แล้วเติมน้ำร้อนตามลงไป แต่ถ้าใครมีเครื่องชงกาแฟก็สามารถใส่เมล็ดกาแฟสดได้เช่นกัน ส่วนอัตราส่วนของน้ำร้อนที่ใส่จะผสมเป็น 1:1 เพื่อไม่ให้รสชาติของกาแฟดำหรืออเมริกาโน่เจือจางเกินไป แต่หากใครชอบรสชาติเข้มข้นก็สามารถเพิ่มช็อตเอสโปรสโซ่ลงไปได้
2.โอเลี้ยง คืออะไร?
โอเลี้ยง ถือเป็นกาแฟโบราณยอดฮิตที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน “โอเลี้ยง” เป็นภาษาจีนแต้จิ๋ว ซึ่ง “โอ” แปลว่า ดำ ส่วนคำว่า “เลี้ยง” แปลว่า เย็น เมื่อนำทั้งสองคำมารวมกันจึงมีความหมายว่า เครื่องดื่มสีดำที่เย็น ในความจริงแล้วโอเลี้ยงก็มีต้นกำเนิดมาจากกาแฟเหมือนกัน เพียงแต่โอเลี้ยงจะใช้ผงกาแฟชงโบราณหรือผงโอเลี้ยง แทนการใช้ผงกาแฟคั่วบดทั่วไป
ส่วนกรรมวิธีในการผลิตผงโอเลี้ยง คือ การนำเมล็ดกาแฟคั่วบดมาผสมกับเม็ดมะขามคั่ว เมล็ดข้าวโพด และส่วนผสมอื่น ๆ อีกหลายชนิด จากนั้นนำส่วนผสมทุกอย่างลงไปคั่วในกระทะให้หอมกรุ่น ซึ่งวิธีการคั่วบดนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญของรสชาติโอเลี้ยงเลยก็ว่าได้ หากอยากให้โอเลี้ยงมีความหอมอบอวลมากยิ่งขึ้น ส่วนใหญ่บางร้านจะเติมเนยและน้ำตาลลงไปด้วย เพื่อเพิ่มรสสัมผัสให้ได้กลิ่นหอมหวานของคาราเมล เมื่อนำทุกอย่างลงไปบดเสร็จแล้ว เราจะนำผงมาใช้เป็นส่วนผสมสำคัญในการชงโอเลี้ยง
โดยวิธีการชงโอเลี้ยง คือ การนำผงกาแฟโบราณหรือผงโอเลี้ยงใส่ลงไปในถุงกาแฟ จากนั้นเติมน้ำร้อนตามลงไป แล้วแช่ทิ้งไว้เป็นเวลา 10 นาที เพื่อให้ได้น้ำกาแฟที่เข้มข้น จากนั้นเทกาแฟใส่แก้ว แล้วใส่น้ำตาลลงไปในปริมาณที่พอเหมาะ
กาแฟดำและโอเลี้ยงมีความแตกต่างกันอย่างไร?
จากข้อมูลข้างต้นทำให้เราทราบกันแล้วว่า กาแฟดำและโอเลี้ยงมีกรรมวิธีการชงที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โดยกาแฟดำ จะใช้เมล็ดกาแฟคั่วบดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากโอเลี้ยงที่มีการคั่วเมล็ดกาแฟร่วมกับส่วนผสมอื่น ๆ ทั้งยังมีการเติมเนยและน้ำตาลเพื่อเพิ่มความหอมกรุ่น หากนำทั้งคู่มาวางใกล้กันก็ไม่ต้องกลัวว่าจะแยกไม่ออก เพราะความหอมของกาแฟ 2 ชนิดนี้มีกลิ่นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนนั่นเอง
อ่านบทความเพิ่มเติม
https://coffeemis.com/ความรู้เกี่ยวกับกาแฟ/
เครดิตภาพ
https://google.com/
เครดิต : Slothubs888